We provide service and advice to those who work with Ex equipment and Hazardous Areas.

Knowledge

การออกแบบ เลือกใช้ ติดตั้ง และตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าในบริเวณอันตรายเพื่อความปลอดภัย (Design, Selection, Installation, and Inspection of Electrical Equipment for Hazardous Areas) 

เขียนโดย จุมพล โทจันทร์ (09-01-2022)

 ในสถานที่ซี่งมีการผลิต ใช้ หรือจัดเก็บ สารไวไฟภายในโรงงาน (ในปริมาณที่ต้องให้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง) บุคคลผู้ซึ่งรับผิดชอบสถานที่นั้น จำเป็นต้องพิจารณากำหนดแนวทางและนำวิธีการต่างๆ ทางด้านความปลอดภัยมาใช้ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงในการเกิดไฟลุกไหม้หรือการระเบิดที่อาจจะเกิดขึ้น  โดยทั่วไปในขั้นตอนของการออกแบบโรงงานหรือกระบวนการในโรงงาน พื้นที่ซึ่งเรียกว่าบริเวณอันตรายหรือบริเวณที่มีบรรยากาศซึ่งสามารถจุดติดไฟหรือเกิดการระเบิดได้นั้น จำเป็นต้องได้รับการจำแนกพื้นที่ออกเป็นโซนโดยอ้างอิงตามมาตรฐาน IEC 60079-10, EN 60079-10, API RP 505, EI (IP) 15 เป็นต้น หรือจำแนกออกเป็น ประเภท (Class) และระดับอันตราย (Division) โดยอ้างอิงตามมาตรฐาน NFPF 70 (NEC 500), NFPA 497, NFPA 499,  API RP 500, CEC/ CSA เป็นต้น ขึ้นอยู่กับการนำมาตรฐานมาประยุกต์และอ้างอิงในการออกแบบ เพื่อที่จะเลือกใช้ ติดตั้งและใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมต่อไป

การออกแบบการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า

ภายในบรรยากาศซึ่งอาจจะเกิดการลุกไหม้ไฟหรือเกิดการระเบิดได้ง่าย สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังคือ หลีกเลี่ยง Ignition Sources คือ ไม่ทำให้เกิดความร้อน ประกายไฟ พลังงานจากการกระแทก การเสียดสี หรือ การเกิดประจุไฟฟ้าสถิตย์ เป็นต้น หากมีความต้องการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องมือวัด (Electrical & Instrument Equipment) เครื่องจักร รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์และการเดินสายไฟ จำเป็นต้องดำเนินการให้สอดคล้องตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัย ตัวอย่างเช่น

  1. เลือกใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบตามมาตรฐาน IEC 60079 series, ISO 80079 series อุปกรณ์ผ่านการทดสอบและรับรองตามข้อกำหนด ATEX Directive หรือ IECEx System หรือใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบตามมาตรฐาน ANSI, FM, UL, IEEE, ISA, หรือ CSA อุปกรณ์ผ่านการทดสอบและรับรอง Approved/ Listed โดย NRTL ตามข้อกำหนดของ OSHA ที่ใช้งานในอเมริกา
  2. ออกแบบการติดตั้งตามมาตรฐานทางไฟฟ้า เลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสมกับพื้นที่อันตรายที่ได้รับการจำแนกโซน (Zone) ตาม EN หรือ IEC Standards หรือเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสมกับการจำแนกบริเวณอันตรายเป็นประเภท/ แบบที่ (Class/ Division) ตาม NEC

การออกแบบการติดตั้งทางไฟฟ้า รวมถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตรวจวัดสำหรับใช้งานบริเวณอันตราย จำเป็นต้องดำเนินการโดยวิศวกรที่มีความรู้และมีประสบการณ์ มีการศึกษามาตรฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจากมาตรฐานการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในสถานที่ทั่วไป มีความสามารถและผ่านการรับรอง Personnel Competence ดังเช่นมาตรฐาน IEC 60079-14 แนะนำคุณสมบัติของวิศวกรผู้ออกแบบการติดตั้งทางไฟฟ้าในบริเวณอันตรายไว้ ดังนี้

  1. มีความรู้ความเข้าใจโดยละเอียดเกี่ยวกับ หลักการป้องกันอันตรายจากการระเบิด หลักการของวิธีการป้องกันการระเบิดแบบต่างๆ (Types of protection) ที่ใช้งาน การออกแบบและคุณลักษณะที่มีผลต่อการปัองกันการระเบิดแบบต่างๆ ของอุปกรณ์ไฟฟ้า
  2. มีความเข้าใจรายละเอียดต่างๆ ที่ระบุในเอกสารใบรับรอง และการระบุเครื่องหมาย (Ex Marking) สำหรับอุปกรณ์
  3. มีความเข้าใจในการเตรียมการเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการระเบิดตามเทคนิคแบบต่างๆ ที่จะนำมาใช้งานในทางปฏิบัติ
  4. มีความรู้โดยละเอียดเกี่ยวกับ เทคนิคเฉพาะที่จำเป็นในการเลือกใช้และติดตั้งอุปกรณ์ตามมาตรฐาน IEC 60079-14
  5. มีความรู้โดยละเอียดเกี่ยวกับ ความจำเป็นในการตัดแยกวงจรไฟฟ้า และการขออนุญาตเข้าทำงานในบริเวณอันตราย
  6. มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ตามมาตรฐาน IEC 60079-17

ในการติดตั้งอุปกรณ์และการเดินสายไฟสำหรับใช้งานในบริเวณอันตราย ผู้ที่ทำการติดตั้ง (Electrical Installer) ต้องมีความรู้ความชำนาญในทางไฟฟ้าที่จำเป็นในงานติดตั้งอุปกรณ์และระบบไฟฟ้า อีกทั้งต้องเข้าใจอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับใช้งานในบริเวณอันตราย ในระดับปฏิบัติงาน Operatives or Technicians ดังนี้

  1. มีความเข้าใจหลักการทั่วไป สำหรับป้องกันอันตรายจากการระเบิด หลักการของวิธีการป้องกันการระเบิดแบบต่างๆ (Types of protection) ที่ใช้งาน การออกแบบและคุณลักษณะที่มีผลต่อการปัองกันการระเบิดแบบต่างๆ ของอุปกรณ์ไฟฟ้า
  2. มีความเข้าใจทั่วไป ในรายละเอียดที่ระบุในเอกสารใบรับรอง และการระบุเครื่องหมาย (Ex Marking) สำหรับอุปกรณ์
  3. มีความเข้าใจทั่วไป รายละเอียดเฉพาะสำหรับเลือกใช้และติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า ตามที่ระบุในมาตรฐาน IEC 60079-14
  4. มีความเข้าใจความจำเป็นในการตัดแยกวงจรไฟฟ้า และการขออนุญาตเข้าทำงานในบริเวณอันตราย
  5. มีความเข้าใจทั่วไป ในเรื่องการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ตามมาตรฐาน IEC 60079-17

การตรวจสอบอุปกรณ์และการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ติดตั้งในบริเวณอันตราย

หลังจากที่ติดตั้งอุปกรณ์และเดินสายไฟเข้าอุปกรณ์แล้ว มีจำเป็นต้องทำการตรวจสอบการติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมดก่อนที่จะจ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้งาน นอกเหนือจากการตรวจสอบความถูกต้องและความปลอดภัยทางไฟฟ้า (Electrical Safety) สิ่งที่สำคัญจะต้องทำการตรวจสอบความถูกต้องในการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการระเบิดเพื่อความปลอดภัย (Explosion Safety) เรียกว่าการตรวจสอบเริ่มแรก (Initial Inspection) ด้วยระดับการตรวจสอบอย่างละเอียด (Detailed Inspection) การตรวจสอบจะดำเนินการโดยผู้ตรวจสอบที่ได้รับการรับรอง (Certified Ex Inspector) ในการตรวจสอบอุปกรณ์และการติดตั้งจะอ้างอิงเอกสารการออกแบบ เช่น แบบการจำแนกบริเวณอันตราย การแบ่งกลุ่มของก๊าซหรือฝุ่นในพื้นที่ ระดับพิกัดอุณหภูมิหรืออุณหภูมิในการจุดติดไฟของสารไวไฟในพื้นที่ ปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่อ้างอิงในการออกแบบ รายการอุปกรณ์ป้องกันการระเบิดที่ติดตั้งและขึ้นทะเบียนไว้ คู่มือการใช้งานอุปกรณ์และข้อจำกัดในการใช้งาน ใบรับรองอุปกรณ์จากสถาบันรับรอง ExCB/ NB แบบแสดงการออกแบบและคำนวณระบบ I.S. (Intrinsically Safe System) วงจรการเดินสายไฟและการระบุวงจร เป็นต้น บันทึกการตรวจสอบ Initial Inspection ต้องมีการจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการอ้างอิงและบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่อไปในภายหลัง

ซึ่งหลังจากที่ใช้งานอุปกรณ์ไปแล้วนั้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ที่ไฟฟ้าที่ติดตั้งในบริเวณอันตรายรวมถึงการเข้าสายไฟ ยังมีความสมบูรณ์ และมีคุณสมบัติในการป้องกันการระเบิดตามที่ได้ออกแบบไว้ ผู้ใช้งานมีความจำเป็นต้องทำการตรวจสอบอุปกรณ์เป็นระยะที่เรียกว่า Periodic Inspection ซึ่งมาตรฐาน IEC 60079-17 แนะนำให้ทำการตรวจสอบอุปกรณ์ที่ยึดติดประจำที่ (Fixed Installation) ไม่ควรเกินช่วงระยะเวลา 3 ปี (เว้นแต่ว่าผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำช่วงระยะเวลาที่นอกเหนือจากนี้) ส่วนของอุปกรณ์ที่สามารถเคลื่อนย้ายไปใช้งานที่อื่นได้ (Moveable equipment) ควรมีช่วงระยะเวลาในการตรวจสอบ Periodic Inspection ไม่เกิน 12 เดือน ด้วยระดับการตรวสอบแบบ Close Inspection

ในกรณีที่พบสิ่งบกพร่องหรือความเสียหายกับอุปกรณ์ที่ตรวจสอบ การแก้ไข ซ่อมแซมสิ่งที่ชำรุด บกพร่องนั้น จะต้องดำเนินการโดยหน่วยงานซ่อมบำรุงอุปกรณ์ป้องกันการระเบิด (Repair Workshop) ที่ได้รับการรับรองเท่านั้น ทั้งนี้ เอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การจำแนกบริเวณอันตราย การออกแบบเลือกใช้ การติดตั้ง การตรวจสอบ การซ่อมบำรุงอุปกรณ์สำหรับบริเวณอันตรายจำเป็นต้องจัดเก็บสำเนาไว้ และมีการปรับปรุงให้ทันสมัยเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง

สิ่งที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นกระบวนการปฏิบัติเพื่อที่จะใช้งานและบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ติดตั้งในบริเวณอันตราย เพื่อความปลอดภัยตลอดอายุการใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าว บุคคลผู้ปฏิบัติงานแต่ละหน้าที่ ทั้งด้านการออกแบบ การติดตั้ง การใช้งาน การบำรุงรักษา อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับติดตั้งในบริเวณอันตรายมีส่วนสำคัญที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องเพื่อความปลอดภัย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องได้รับการการอบรมความรู้ ผ่านการฝึกปฏิบัติเพื่อความชำนาญ และมีความสามารถในหน้าที่รับผิดชอบในงาน

บริษัท เจทีอีเอ็กซ์ เอนจิเนียริ่ง เซอร์วิส มีความยินดีให้บริการสำหรับโรงงานที่มีการติดตั้งใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าป้องกันการระเบิด (Ex equipment) และการทำงานในสถานที่อันตราย (Explosive atmospheres) ในด้าน

  • ออกแบบ ให้คำแนะนำ หรือปรับปรุงการจำแนกบริเวณอันตรายในพื้นที่โรงงาน
    (ให้บริการโดยวิศวกรที่ผ่านการรับรอง IECEx unit Ex 002)
  • ออกแบบ ให้คำแนะนำ หรือทบทวนการออกแบบ การเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับติดตั้งในบริเวณอันตราย
    (ให้บริการโดยวิศวกรที่ผ่านการรับรอง IECEx unit Ex 009 หรือ CompEx unit EX12)
  • ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าป้องกันการระเบิด ที่ติดตั้งใช้งานในบริเวณอันตราย
    (ให้บริการโดยวิศวกร หรือช่างเทคนิคที่ผ่านการรับรอง IECEx unit Ex 007/ 008 หรือ CompEx unit EX01-EX04)
  • ตรวจประเมิน ผลการตรวจสอบอุปกรณ์และการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในบริเวณอันตราย
    (ให้บริการโดยวิศวกรที่ผ่านการรับรอง IECEx unit Ex 010)
  • ให้บริการอบรมและ/หรือทดสอบความรู้ความสามารถ สำหรับผู้ปฏิบัติงานในบริเวณอันตราย (ดูรายละเอียดบริการด้านการฝึกอบรม)

ติดต่อ: contact@jtexengineering.com

อ้างอิง: IEC 60079-14, IEC 60079-17